Loading the player...


INFO:
“คนไท-กะไดแท้ๆ“ คือชาวเขาที่อาศัยอยู่ตามหุบเขาทางภาคเหนือ มีการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของตน ซึ่งต่างจาก “ชาวสยาม” ในภาคกลาง, อีสานใต้, ตะวันออกและภาคใต้ ที่เป็นลูกหลานของชาวมอญ-เขมร(ออสโตรเอเชียติก) แต่ภายหลังกลุ่มคนเหล่านี้ได้เปลี่ยนภาษาพูดจากภาษามอญ-เขมร u003E มาเป็นภาษาไท-กะได แต่พวกเขายังคงใช้วัฒนธรรมมอญ-เขมรอยู่ตามเดิม ดังนั้นจึงสังเกตได้ว่า คนสยาม(มอญ-เขมร) กับคนไท-กะได มีการแต่งกายและสีผิวที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยชาวสยามจะมีผิวคล้ำ-ดำแดง ต่างจากชาวไท-กะไดแท้ๆทางภาคเหนือที่มีผิวขาวเหลืองเพราะเป็นลูกหลานของชาวไท-กะไดที่อพยพลงมาจากจีนตอนใต้ และเมื่อดูจาก DNA จะพบว่าคนไทยภาคกลางในปัจจุบัน คือลูกครึ่งไท-กะได ผสมกับ มอญ-เขมร อย่างละครึ่ง คล้ายๆกับลูกครึ่งฝรั่งตามพัทยาใต้ ส่วนคนกรุงเทพ(ชั้นใน)แท้ๆ เช่น ในเยาวราช, สำเพ็ง, หัวลำโพง, พระนคร ฯลฯ ล้วนแต่เป็นลูกหลานของชาวจีนอพยพ ที่ภายหลังคนพวกนี้ได้เปลี่ยนภาษาพูดจากภาษาจีนแต้จิ๋วมาเป็นภาษาไทย และเรียกตัวเองว่าคนไทย ทั้งๆที่ DNA ของพวกเขาคือคนจีนแท้ๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับชาวไท-เขมรพื้นเมืองเลย แต่คนจีนในกรุงเทพคือกลุ่มคนที่ขยันขันแข็ง แม้จะอพยพมาแบบเสื่อผืนหมอนใบ ชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์ แต่ก็สามารถพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า ต่างจากคนพื้นเมืองดั้งเดิมที่เป็นชาวไท-กะได, มอญ, พม่า, ลาว, เขมร ที่ไม่ได้มี DNA ของความขยัน ประหยัด อดออม และหัวการค้าแบบลูกหลานชาวจีนที่พัฒนาตนเองจนร่ำรวย และถ้าไม่ได้ลูกหลานชาวจีนอพยพในกรุงเทพมาวางรากฐานทางการค้าและเศรษฐกิจ ป่านนี้ประเทศไทยก็คงมีสภาพไม่ต่างจากพม่า ลาว เขมร ในปัจจุบัน